วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

เมื่อต้องท้องนอกสมรสจะทำอย่างไร ไม่ต้องทำแท้ง แต่งงานกับเราสิ (สามีจำเป็น)

เมื่อต้องท้องนอกสมรสจะทำอย่างไร
ไม่ต้องทำแท้ง แต่งงานกับเราสิ (สามีจำเป็น)

อย่าเพิ่งตกใจ หากเธอเป็นคนหนึ่งที่ต้องพบเคราะห์กรรมเพียงตัวคนเดียว ด้วยสาเหตุการตั้งครรภ์นอกสมรส สังคมไทยยากที่จะให้การยอมรับได้ และหากพ่อของลูกในท้องไม่ยอมรับแล้ว จะทำอย่างไร ที่นี่มีทางออก มีคำตอบที่ดีกว่าการทำแท้งสำหรับคุณ

อย่าเพิ่งคิดสั้น อย่าคิดว่าการทำแท้งเป็นทางออกเพียงวิธีเดียว หากคุณตั้งครรภ์โดยไม่เจตนา และไม่สามารถหาผู้สมรสด้วยได้ ที่นี่ พร้อมหาคู่สมรสให้คุณ เพื่อให้คุณอุ้มท้องอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ เมื่อคุณคลอดบุตรแล้ว ทางเรายินดีหย่า เพื่อให้คุณมีชีวิตใหม่ที่อิสระ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยตัวของคุณอย่างเข้มแข็งได้ต่อไป และจะปิดเป็นความลับ

เงื่อนไขสำหรับคู่สมรสทั้งชายและหญิง
๑) จะไม่มีการมีเพศสัมพันธ์และไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะเป็นการแต่งงานแต่ในนาม เพื่อให้ผู้ตั้งครรภ์นอกสมรส ได้มีการสมรสตามจารีตประเพณี สังคมยอมรับ และมีกำลังใจในการตั้งครรภ์จนคลอดบุตรอย่างปลอดภัยได้
๒) หากมีการนอนเตียงเดียวกัน ฝ่ายชายจะเอาผ้าห่มไปปูนอนกับพื้น เพื่อให้เกียรติ์สุภาพสตรี เพราะการแต่งงานนี้ เป็นการช่วย “ชีวิตมนุษย์” ให้คลอดได้ปลอดภัย ดังนั้น อาสาสมัครฝ่ายชายที่ทำงานนี้ จึงต้องให้เกียรติ์และเคารพสิทธิสตรี
๓) จะมีการรักษาความลับระหว่างกัน นอกเสียจากว่าทั้งคู่ได้ตกลงกันแล้วว่าจะให้ผู้อื่นใดรู้เรื่องนี้ได้บ้าง เช่น พ่อแม่ที่เปิดใจยอมรับลูกที่ตั้งครรภ์นอกสมรสได้ หรือบุตรที่เกิดมา หรือนายแพทย์ที่ต้องรู้เรื่องนี้ เพื่อประโยชน์ในการรักษา
๔) การกระทำนี้เป็นการกระทำเพื่อสังคม เพื่อมวลมนุษย์ เพื่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ ทารกผู้บริสุทธิ์ในครรภ์มารดา จึงไม่มีค่าจ้างต่างตอบแทนแต่ประการใด ฝ่ายชายที่ยินยอมแต่งงานนั้น จะต้องเป็นผู้มีใจอาสาสมัครและรักษาความลับได้

เงื่อนไขสำหรับฝ่ายหญิง
๑) เนื่องจากอาสาสมัครฝ่ายชายนั้น ยากจน ไม่มีเงิน ไม่มีสมบัติอะไรเลย ดังนั้น การแต่งงานจะเป็นภาระสำหรับเขามาก จึงต้องแต่งงานอย่างเรียบง่ายใช้ทุนน้อย และทำเพื่อพอให้เป็นพิธีให้สามารถรอดผ่านวิกฤติของชีวิตไปให้ได้เท่านั้น
๒) ฝ่ายหญิงจำต้องออกค่าแต่งงานและสินสอดทองหมั้นทั้งหมด แต่เมื่อแต่งงานแล้ว จะไม่ใช่ของฝ่ายชาย จะเป็นของฝ่ายหญิง เรียกว่าฝ่ายชายมาแต่ตัว และไปแต่ตัว มาเพื่อช่วยแก้วิกฤติในชีวิตของผู้หญิงเท่านั้น เพราะเป็นอาสาสมัคร
๓) สามารถขอหย่าได้ทันทีที่พร้อม เช่น เมื่อคลอดบุตรแล้ว และต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ยอมรับสภาพของการเป็นหม้ายลูกติดได้ ก็สามารถหย่าได้ทันที ในที่นี้ ไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะเป็นเพียงการจัดงานแต่งให้สังคมยอมรับเท่านั้น
๔) หากไม่พร้อมที่จะเป็นหม้าย ก็สามารถดำรงสภาพต่อไปเช่นเดิมได้ จนกว่าจะพร้อมที่จะหย่า หรือหากต้องการอยู่ร่วมชีวิตแบบเพื่อนร่วมชีวิตในอนาคตก็สามารถทำได้ ทั้งคู่สามารถตกลงกันเองได้ เพราะไม่มีการจดทะเบียนสมรส
๕) อาสาสมัครฝ่ายชายจะอยู่กับฝ่ายหญิงระยะหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงแต่งงานใหม่ๆ หรือให้ฝ่ายหญิงไปอยู่กับฝ่ายชายตามแต่จะตกลงกันได้ เพื่อให้สังคมยอมรับว่าทั้งคู่เป็นพ่อแม่ของเด็กที่เกิดขึ้นมาจริงๆ เพื่อให้เด็กมีชีวิตรอดไม่ถูกทำแท้ง
๖) จะไม่มีการล่วงละเมิดสิทธิ์มนุษยชนซึ่งกันและกัน ต่างก็มีอิสระในชีวิตทั้งคู่ เพราะไม่ใช่การแต่งงานจริง แต่เป็นการแต่งงานเพื่อช่วยชีวิตเด็กในครรภ์ไม่ให้ถูกทำแท้ง ให้แม่ของเด็กมีกำลังใจ ฟันฝ่าวิกฤติของชีวิต รอดอยู่ในสังคมได้
๗) ฝ่ายชายที่เป็นอาสาสมัครสามารถแต่งงานกับผู้หญิงได้มากกว่าหนึ่งคน เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ให้ได้มากที่สุด และอาสาสมัครที่ยอมเสียประวัติมาแต่งงานและต้องหย่าในอนาคตนั้น มีน้อยมาก และหายากมาก จึงต้องช่วยคนจำนวนมาก

เงื่อนไขสำหรับฝ่ายชาย
๑) ห้ามล่วงละเมิดสิทธิ์เสรีภาพฝ่ายหญิง และจะไม่มีการมีเพศสัมพันธ์กันเด็ดขาด เพราะเป็นการมาช่วยสุภาพสตรีที่อ่อนแอ ไม่ใช่มาซ้ำเติม จะต้องเคารพสิทธิ์สตรี ให้เกียรติ์ และให้กำลังใจ รู้จักคำว่า “เพศแม่” ที่ควรค่าแก่การเคารพบูชา
๒) ฝ่ายชายต้องมีเวลาว่างพอไปอยู่อาศัยร่วมในห้องของคู่สมรสในระยะหนึ่ง อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ แล้วจึงหาข้ออ้างว่ามีกิจหรือธุระต่างจังหวัด จึงจะปลีกตัวไปได้ จำต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์นั้น ให้กำลังใจผู้หญิงที่อ่อนแอ ให้มีกำลังใจสู้ต่อไป
๓) ฝ่ายชายไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด แต่ฝ่ายชายต้องมาด้วยตัวและหัวใจที่พร้อมที่จะช่วยเหลือฝ่ายหญิง ต้องเคารพกันรักษาความลับให้กัน ทั้งคู่ต้องพร้อมรับที่อาจจะถูกสังคมเพ่งเล็งหรือประณาม
๔) ฝ่ายชายควรไม่มีแฟนหรือไม่คิดจะมีครอบครัวในอนาคต เพราะหากมีครอบครัวในอนาคต จะทำให้เสียชื่อเสียงมาก และแฟนอาจไม่ยอมรับที่ไปแต่งงานกันหญิงอื่น อาสาสมัครฝ่ายชายจึงต้องคิดให้รอบคอบที่จะเสียสละตนเองในที่นี้
๕) การเสียสละนี้ ไม่ใช่การบริจาคเลือดหรืออวัยวะ แต่เป็นการสละทั้งตัวและหัวใจ อีกทั้งชื่อเสียงก็จะกระทบกระเทือนด้วย จึงต้องเข้าใจว่าการเสียสละ จะไม่เสียใจเลย ไม่เจ็บเลยนั้น ไม่มี ต้องพร้อมยอมเสียสละตัวจริงๆ เพื่อรักษาชีวิตทารกไว้
๖) การบริจาคเลือดช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้หนึ่งชีวิต แต่การยอมอุทิศตัวในกรณีนี้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเก้าเดือนกว่าเด็กจะคลอด ดังนั้น แม้ไม่เสียเลือดอะไร แต่ต้องเข้าใจวิธีการอุทิศตนอย่างดี แต่ผลที่ได้ก็คุ้มค่าไม่แพ้กัน คือ ชีวิตเด็กทารก
๗) ไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ให้แก่อาสาสมัครฝ่ายชายทั้งสิ้น แต่อาจมีการเจรจาในบางเรื่อง เช่น การขอที่พักจากฝ่ายหญิง เพราะฝ่ายชายอาจยากจนและขาดแคลน บางครั้งต้องจำเป็นที่จะพักในบ้านของฝ่ายหญิง จนกว่าบุตรจะคลอดปลอดภัย

ต้องทำอย่างไรบ้าง
๑) ส่งข้อมูลมาหาเราทางอีเมล แต่อย่าเพิ่งบอกชื่อและรายละเอียดอื่นๆ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวงต้มตุ๋นเอาความลับไปแบล็คเมล์ได้ ให้ส่งมาว่าคุณต้องการแต่งงานในลักษณะนี้จริงๆ และคุณมั่นใจว่าทางพ่อแม่ของคุณสามารถจัดงานให้เรียบร้อยได้โดยฝ่ายชายไม่ต้องมีปัญหา ทางเราจะนัดพบคุณและพ่อแม่คุณ
๒) ทางเราจะหาอาสาสมัครในแต่ละครั้ง จำต้องใช้เวลา อาสาสมัครบางท่านบวชพระอยู่ยังไม่สึก เมื่อสึกออกมาแต่งงานเพื่อช่วยชีวิตทารกในครรภ์นั้น ท่านจะต้องเตรียมตัวก่อน เพื่อโปรดสัตว์ในการนี้ และอาสาสมัครบางท่านมีจิตคิดช่วยเหลือจริงแต่ไม่มีเงินเลย เรื่องค่าเดินทางบางครั้งจำต้องขอให้ช่วยเหลือ
๓) เมื่อตกลงรายละเอียดและข้อปฏิบัติได้แล้ว ทางเราจะให้ท่านจัดงานแต่งงานและรับผิดชอบทั้งหมด เพราะทางเราไม่มีเงินทุนในการช่วยเหลือส่วนนี้ เราช่วยได้แต่ส่วนการจัดหาผู้เสียสละอุทิศตนในการเป็น “สามีจำเป็น” แต่เพียงเท่านั้น

ติดต่อที่
goteg@hotmail.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น